@. อ่านละครทีวี.@

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 3-4 วันที่ 1 ส.ค. 55

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 3

“อ๋อ...ไม่ล่ะค่ะอาคุณนาย อั๊วไม่อยากร่วมวงไพบูลย์กับโครงการของไอ้ต๋องสติเฟื่อง กลัวเจ็บตัว”
“นี่...ไม่ต้องกลัวคนไม่มาซื้อของหรอก เขาวางแผนโฆษณากันจริงจังเลยนะ มีแจกใบปลิว เห็นว่าจะขี่รถจักรยานประกาศโทรโข่งอีกด้วย”

“อาคุณนายไม่รู้เหรอคะว่า อาต๋องน่ะลองหยิบจับอะไรเป็นได้โลกาวินาศ อั๊วว่าคุณนายไหว้พระไหว้เจ้าเผื่อไว้ให้ดีแล้วกันค่ะ งานหนักจะได้กลายเป็นเบา”

สดศรีนั่งรถมาถึงทางเข้าตลาด เจอรัศมีกับชายศักดิ์ควงกันมาสอดแนมการเตรียมงานที่ตลาด ชายศักดิ์ ถามรัศมีว่า

“นี่น่ะเหรอไอเดียของไอ้เด็กชื่อต๋องนั่น”

สดศรีบอกคนขับให้จอดรถแล้วลงไปไล่สองผัวเมียให้ออกไปจากตลาดของตนเดี๋ยวนี้ สองคนไม่ทันขยับ สดศรีทนไม่ได้คว้าสายยางที่คนงานกำลังรดน้ำต้นไม้ฉีดไล่ทั้งสองคนจนเปียกม่อลอกม่อแลก แล้วตัวเองก็ขึ้นรถออกไป หางตาใส่ทั้งสองอย่างสะใจ

ooooooo

พากันทัวร์จนพอใจแล้ว ต๋องพากิมลั้งมาส่งที่บ้าน พอเห็นบ้าน กิมลั้งก็พูดขึ้นปลงๆว่า

“เฮ้อ...ได้เวลากลับสู่โลกความเป็นจริงแล้วนะ ถ้าหยุดเวลาไว้ได้ก็ดีสินะ”

“คนที่เก่งน่ะ ไม่ใช่คนที่หลบอยู่ในโลกของตัวเองหรอกนะกิมลั้ง แต่เป็นคนที่ยังเลือกที่จะสู้กับปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า”

“ก็จริง...บางทีเราก็ต้องมีชีวิตเพื่อคนอื่น”

“ก็ใช่...แต่ก็ต้องไม่ลืมให้รางวัลตัวเองนะ เหมือนวันนี้ไง...พอได้ชาร์จแบต เธอก็จะได้มีแรงเดินต่อ”

“แล้วเธอล่ะ วันนี้ได้ชาร์จแบตไหม หรือว่าหมดแรงเพราะพาฉันไปนั่นนี่”

“แค่ได้อยู่ใกล้เธอฉันก็ไฟลุกท่วมแล้ว” ต๋อง

มองหน้าตาฉ่ำ กิมลั้งอุทานเขินๆ ต๋องรีบชี้แจงว่า “ก็...แหม...วันนี้เธอมีความสุข ฉันก็ต้องซึมซับพลังความสุขจากเธอมาด้วยเป็นธรรมดา แค่ยิ้มของเธอก็เติมไฟให้ฉันแล้ว”

กิมลั้งยิ้มเขินจัด ต๋องหยอกว่า “หยุดยิ้มเถอะกิมลั้ง ไฟไหม้ฉันเกรียมไปหมดแล้วนะเนี่ย”

“บ้า...งั้นฉันเข้าบ้านดีกว่า” กิมลั้งผลักประตูรั้วค้อนใส่ต๋องแล้วเดินยิ้มเข้าบ้านไป ต๋องมองตามซึ้งๆ ก่อนหันเดินกลับไปอย่างมีความสุข

เมื่อกิมลั้งเข้าบ้าน รู้จากกิมแชว่าจาตุรงค์มาหา เล่าว่าท่าทางเขาจะคลั่งไคล้เจ้มาก เอาขนมมาฝาก และห้ามตนแกะกินก่อนเจ้กลับมาด้วย กิมลั้งตกใจกลัว

ความลับแตก แต่พอกิมแชบอกว่าจาตุรงค์ไม่สงสัยอะไรก็โล่งใจ

ooooooo

ต๋องแต่งเพลงให้กิมลั้ง บรรยายความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเธอ แต่งไปซ้อมไป บังเอิญณดามาได้ยินก็แอบปลื้มคิดว่าต๋องแต่งให้ตน ศักดิ์ชายที่เดินตามณดามา เห็นหญิงสาวปลื้มต๋องก็ไม่พอใจ คำรามเบาๆ

“มันมีดีอะไรวะ?!”

อารมณ์โมโห ศักดิ์ชายเดินเตะกองไม้เก่าแถวนั้น เตะถูกตะปูขึ้นสนิมเข้าจนเลือดไหล ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ณดาได้ยินหันไปดู เห็นศักดิ์ชายนั่งกุมเท้าร้องครวญครางอยู่ก็วิ่งไปช่วย จะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมไป เธอจึงนั่งลงยกเท้าเขาพาดตักตัวเองแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดของตนเช็ดเลือด พันแผลให้

ศักดิ์ชายมองอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำให้ตนได้ถึงขนาดนี้ ทำแผลเสร็จณดาพาเขาไปนั่งพักที่ออฟฟิศ ในตลาด

จนกลางคืน ศักดิ์ชายกลับไปที่บ้านพ่อ เจอพ่อกับแม่นั่งหน้าบึ้งอยู่อย่างไม่พอใจ พอเห็นหน้าลูก ชายศักดิ์ก็บ่นว่า

“มัวแต่ไปขลุกอยู่ตลาดบ้านั่น รู้บ้างไหมว่าพ่อกับแม่โดนสาดน้ำไล่เหมือนหมูเหมือนหมา”

“เอ๊ะ...เท้าไปโดนอะไรมาลูก” รัศมีทักอย่างตกใจ พอศักดิ์ชายเล่าให้ฟังก็บ่น “เห็นไหม อยู่ดีไม่ว่าดี ปลอมตัวจนได้เรื่อง เจ็บเนื้อเจ็บตัวแบบนี้ คุ้มกันไหม”

“ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าคนที่ทำแผลที่เท้าให้ผมคือณดา คิดว่ามันยังคุ้มอยู่ไหมล่ะครับ” ศักดิ์ชายกระหยิ่ม

“แล้วต้องให้พ่อกับแม่รออีกนานแค่ไหนกว่าแผนทำลายตลาดของแกจะสำเร็จ รู้ไหมว่าชาวบ้านเขารู้ข่าวไอ้งานยกธงขาวนั่นไปทั่วแล้ว แบบนี้คนไม่แห่กันไปเหรอ” ชายศักดิ์ยังไม่หายระแวง

ศักดิ์ชายบอกว่ายิ่งมามากก็ยิ่งดี รัศมีนิ่งไปครู่หนึ่ง จึงอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นว่า

“อย่าบอกนะว่าลูกจะทำให้ไอ้เทศกาลเรียกคนเข้าตลาดของมัน กลายเป็นเทศกาลไล่คน...งานธงขาวนี่มันงานชี้อนาคตของเรากับมัน คิดจะตีงูต้องตีให้ตาย ไหนว่าแผนของลูกมาซิ แม่จะได้ช่วยอุดช่องโหว่”

“คืองี้ครับ...” ศักดิ์ชายเริ่มเล่าอย่างภูมิใจมาก...

ooooooo

งานยกธงขาวเริ่มแล้ว ธงขาวถูกชักขึ้นยอดเสาตามร้านต่างๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน ต๋องถือโทรโข่งยืนพูดปลุกใจชาวตลาด มีผ้ากันเปื้อนคาดเอวและมีผ้าโพกหัว ข้างๆ เขามีณดายืนให้กำลังใจอยู่เต็มที่

“เอาล่ะครับ...และแล้ว งานยกธงขาวของเราก็เกิดขึ้นได้ในที่สุด แต่เกิดแล้วจะอยู่หรือเกิดแล้วจะดับ อนาคตของตลาดก็อยู่ในกำมือของทุกคนแล้วล่ะครับ ขอให้ทุกท่านทำหน้าที่ของตนให้สมศักดิ์ศรีเพื่อไว้ลายให้กับตลาดร่วมใจเกื้อของเรา ขอแค่นี้ได้ไหมคร้าบบบบบ”

มีเสียงตอบรับหรอมแหรมว่าได้ ต๋องมีลูกเล่นแบบโชว์คอนเสิร์ต บอกว่าไม่ค่อยได้ยินเลย ถามอีกทีว่า “ขอแค่นี้ได้ไหม” มีเสียงตอบรับดังกว่าเก่า

“ค่อยชื่นใจหน่อย เอาล่ะครับ และเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ผมขอเปิดงานด้วยเวลาดี และเพลงดีๆ ที่เราจะร้องร่วมกันนะครับ” ต๋องดูนาฬิกาแล้วนับถอยหลัง พอนับถึงหนึ่ง เป็นเวลาสิบแปดนาฬิกาพอดี เพลงชาติดังก้องขึ้น ทุกคนยืนตรงร้องเพลงชาติอย่างพร้อมเพรียงกัน

กลุ่มของกิมฮวยอยู่ในตลาดคอยฟังข่าวการจัดงานใจจดจ่อลุ้นให้งานไปไม่รอด กิมฮวยเห็นจาตุรงค์วิ่งเข้ามา รีบถามว่า “สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้างอาจาตุรงค์”

“เริ่มงานกันแล้วครับ แต่บรรยากาศยังโหวงเหวงวังเวงอยู่ ผมว่าคนคงมาไม่เยอะแน่นอนครับ”

“นั่นสินะ ลูกค้าในนี้ก็ไม่เห็นใครจะสนใจออกไปดูงาน ไอ้ต๋องซี้แน่” เต็กไฮ้มองไปรอบตลาดอย่างสะใจ

“เห็นไหม...สุดท้ายฟ้าก็มีตา เล่นงานไอ้คนที่สมควรได้รับโทษ” จะเด็ดยิ้มเยาะ

ทันใดนั้น เสียงเพลงจังหวะเร้าใจจากลำโพงด้านนอกก็ดังเข้ามา ทั้งหมดในตลาดต่างชะงัก มองไปที่ต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน...

บนเวทีจัดงาน คิตตี้นำเพื่อนๆ ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนานเร้าใจ พ่อค้าแม่ค้าในตลาดชะเง้อมองกันอย่างสนใจแล้วค่อยทยอยเดินออกไป ครู่เดียวก็กลายเป็นเดินอ้าว...แล้ววิ่งออกไปที่บริเวณจัดงาน

ร้านค้าและผู้คนรอบตลาด ก็พากันมุ่งหน้ามาดูการแสดงกันมากขึ้น...มากขึ้น...

ต๋องกับณดาเห็นคนทยอยกันมาก็ยิ้มให้กันอย่างตื่นเต้นดีใจ...

ooooooo

ผู้คนในตลาดพากันวิ่งผ่านหน้ากิมฮวยตรงไปที่ลานเวทีการแสดง บางคนชนกิมฮวยจนเกือบล้ม ถูกด่าก็ไม่สนใจ จะเด็ดถามกิมฮวยว่าเอาไงดี ท่าทางมันจะเริ่มปล่อยของแล้ว

กิมฮวยยังใจเย็น บอกว่าคนไทยชอบของฟรีอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการแสดงกะหลั่วๆ เดี๋ยวมันก็ไล่ลูกค้าไปเอง จาตุรงค์อาสาจะไปดูให้ กิมฮวยบอกไม่ต้อง แล้วชวนแกนนำของตนออกไปดูให้เห็นกับตากันเลยดีกว่า

พอออกไป เห็นมีคนมาดูการแสดงกันหนาตาขึ้นทุกที กิมฮวยก็ยังไม่วายพูดเหมือนโกหกตัวเองว่า ไม่เห็นมีอะไร ดูงิ้วยังเร้าใจกว่า แล้วหันไปถามจะเด็ดกับเต็กไฮ้ เห็นทั้งสองกำลังโยกตัวไปตามจังหวะเพลงกันเพลิน ก็โวย

“เฮ้ย...พวกลื้อเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย” กิมฮวย แว้ดจนทั้งสองสะดุ้ง แก้ตัวกันมั่ว แล้วทำเป็นดูถูกว่าไม่เห็นเข้าท่า

พอดีเพลงจบ ชมพู่ในฐานะพิธีกรขึ้นเวที เสียงคนดูตะโกน “เอาอีก...เอาอีก...”

ชมพู่ขอเวลาให้นักเต้นเปลี่ยนชุดสิบห้านาที รับรองได้ชมชุดใหม่แน่นอน แต่ระหว่างนี้เชิญผู้ชมเลือกซื้อสินค้ายกธงขาวขายในราคาพิเศษกันเพลินๆ ไปก่อน

ร้านข้าวแกงของป้าพิณขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ส้มตำของคำมูลมีคนมามุงรอซื้อพอหนาตา ทั้งพ่อค้าและแม่ขายต่างขายของกันมือเป็นระวิง

ooooooo

ทวีกับเครือฟ้า หิ้วตะกร้าใบโตเข้ามาในบริเวณงานอย่างตื่นตาตื่นใจกับผู้คนมากมาย ทวีพูดเสียงทองแดงร่วงกราวว่าของขายเต็มไปหมดเลย ส่วนเครือฟ้าก็อู้สำเนียงคนเมืองอ่อนหวานเมื่อเห็นร้านขายแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่มของโปรดตน

กิมฮวยเรียกทวีไว้ ถามว่าวันนี้คุณนายปล่อยให้ออกมาจ่ายกับข้าวได้แล้วหรืิอ ทวีบอกว่าพอดีอาหารในตู้เย็น หมด กิมฮวยชวนไปดูปลาสดๆ ที่แผงของตน ทวีถามว่าแผงเจ๊อยู่ไหน กิมฮวยบอกว่าไม่ได้ออกมาขายข้างนอก

“อ้าวเหรอ...งั้นวันนี้ฉันคงต้องขอบายเจ๊สักวันนะ เห็นเขาบอกว่าของในงานถูกกว่าในตลาดไม่ใช่เหรอ”

“ถูกกว่าซิ ก็คุณหญิงบ้านเฮาได้รับแจกใบปลิวมา ขนาดกับข้าวหมดตั้งแต่เมื่อวาน คุณหญิงยังยอมกินมาม่าแขวนท้องรอให้มาซื้อของวันนี้เลย” เครือฟ้าบอกทวี

“แหม...คุณหญิงคุณนายแถวบ้านเรานี่เค็มรสเดียวกันจริงๆ ไป...รีบไปซื้อของดีกว่า เดี๋ยวจะได้ไปจองที่นั่งปิกนิกกันหน้าเวที” ทวีเร่งแล้วจูงมือเครือฟ้าไป ทิ้งกิมฮวยยืนหน้าเครียดบ่นตามหลังอย่างเจ็บใจว่า

“ดูสิ...ขาประจำยังนอกใจ” แล้วหันไปหาพรรคพวก “อั๊วว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ไม่งั้นวันนี้ขายของไม่ได้แน่”

แล้วกิมฮวยก็ออกไปล่าลูกค้ามาซื้อของที่แผงของ ตนในตลาด ตัดราคากับร้านยกธงขาวแบบไม่อายฟ้าอายดิน

ฝ่ายศักดิ์ชายก็ตีสองหน้า ด้านหนึ่งทำเป็นร่วมมือจัดงานยกธงขาว แต่อีกด้านก็จ้างคนเอายาเทใส่น้ำดื่ม น้ำก๋วยเตี๋ยว วางยาให้คนที่มาเที่ยวงานท้องร่วงท้องเสียเพื่อทำลายงานยกธงขาวให้เสียชื่อป่นปี้

เท่านั้นไม่พอ ศักดิ์ชายยังให้จาตุรงค์จ้างชายฉกรรจ์มาหาเรื่องชกต่อยต๋อง แล้วตัวเองก็ทำเป็นเข้าไปช่วยต๋องชกต่อยกับชายฉกรรจ์เหล่านั้น พลางกระซิบบอกให้มันไปได้แล้ว หันไปเห็นต๋องกำลังเล่นงานอีกคนอยู่ ศักดิ์ชายกลัวมันเสียทีแล้วถูกต๋องคาดคั้นจนความลับแตก จึงตรงเข้าไปกระชากมันออกแล้วส่งสัญญาณให้หนีไป

งานนี้ ศักดิ์ชายได้ใจณดาไปเต็มๆ อีกทั้งได้รับคำขอบใจจากต๋องด้วย เมื่อต๋องกับณดาไปที่เวทีแล้ว จาตุรงค์เข้ามากถามศักดิ์ชายว่า “เจ็บไหมวะ...พ่อฮีโร่”

“เจ็บแค่นี้แลกกับความไว้ใจน่ะ มันเกินคุ้มเว้ย” ศักดิ์ชายยักคิ้วแผล็บยิ้มอย่างผยองลำพองใจนัก

ooooooo

แม้จะเหน็ดเหนื่อยและมีปัญหาไม่น้อยระหว่างจัดงานยกธงขาว แต่ต๋องก็ได้กำลังใจอย่างมาก เมื่อมีผู้คนเข้ามาเที่ยวงานและซื้อของจากร้านยกธงขาวกันมากมาย โดยเฉพาะได้รับคำชมจากกิมลั้งว่า งานนีี้ฝีมือเขาแท้ๆ แต่ต๋องก็พูดอย่างถ่อมตัวว่า งานสำเร็จเพราะทุกคนร่วมมือกันต่างหาก

ต๋องบอกกิมลั้งว่าเดี๋ยวตนก็จะขึ้นเล่นดนตรีแล้วอย่าลืมไปดู พูดขู่ๆ อำๆ ว่าถ้ายังไม่เห็นเธอตนก็จะไม่เล่นคอนเสิร์ต

เมื่อต๋องกับคณะขึ้นเวที ก่อนร้องเพลง ต๋องพูดในช่วงอินโทรด้วยเสียงโรแมนติกว่า...

“สำหรับเพลงนี้ เป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นใหม่ เพื่อส่งผ่านความรู้สึกดีๆ ให้กับใครบางคน และหวังว่าคนคนนั้นเขาจะรับรู้ได้นะครับ...”

เสียงปรบมือดังกึกก้องทันทีที่ต๋องร้องเพลง ทุกคนประทับใจไปกับเนื้อเพลง ต๋องร้องอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ตามองไปทางณดาที่ยืนมองต๋องเขินไปเขินมาอยู่

ณดาเริ่มเอะใจเมื่อเห็นต๋องมองและยิ้มให้ไม่หยุด เธอหันมองข้างหลัง พลันอารมณ์ก็สลายวูบ เมื่อเห็นกิมลั้งยืนโบกมือให้กำลังใจต๋องอยู่ ที่แท้ต๋องยิ้มและมองกิมลั้งที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอนั่นเอง

ศักดิ์ชายที่ยืนสังเกตอยู่ ทีแรกก็ไม่พอใจ แต่พอรู้ว่าต๋องยิ้มให้กิมลั้งก็โล่งใจ

กิมลั้งดูจนต๋องร้องเพลงจบ เขาถูกแฟนคลับรุมเข้ามาให้ดอกไม้และขอถ่ายรูป กิมลั้งหาจังหวะสบตาต๋องยกนิ้วโป้งให้แล้วเดินเลี่ยงออกไป

ณดาเจ็บปวดเกินกว่าจะยืนอยู่ตรงนั้น แต่พอหันหลังจะเดินหนี ลุงอ่ำก็วิ่งหน้าตั้งมาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว คนที่มาเที่ยวงานเกิดท้องเสียกันเป็นแถว บางคนถึงกับปวดท้องจนตัวงอ อึดใจเดียวที่หน้าเวทีก็โกลาหลเพราะคนปวดท้องทั้งวิ่งเข้าห้องน้ำทั้งร้องครวญคราง บ้างถึงกับทรุดนั่งกุมท้องกับพื้น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ต๋องตกใจ

ศักดิ์ชายซุ่มดูอยู่อีกมุมหนึ่ง เขายิ้มอย่างสะใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเป๊ะ!

ooooooo

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 4

เมื่อรู้ว่ามีคนถูกนำส่งโรงพยาบาลมาก ต๋อง ณดา และกิมลั้ง รีบไปที่โรงพยาบาล เห็นชาวตลาดร่วมใจเกื้อบ้างดมยา บ้างให้น้ำเกลือ บ้างอยู่บนเตียงเข็น พยาบาลกำลังทำงานกันอย่างเร่งรีบ

ไม่นานนัก หมอออกจากห้องฉุกเฉินบอกว่าคนไข้ทั้งหมดมีอาการอาหารเป็นพิษ เกิดจากเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหารที่ทานเข้าไป ต๋องสงสัยว่าทุกคนกระจายกันซื้ออาหารจากหลายร้านทำไมถึงมีอาการเดียวกันหมด

หมอบอกว่า แสดงว่าอาหารทุกร้านมีสิ่งปนเปื้อนเหมือนกัน ต๋องไม่อยากเชื่อ แต่ก็โล่งใจเมื่อหมอบอกว่าควบคุมอาการของทุกคนได้หมดแล้ว

“ยังไงรบกวนคุณหมอดูแลทุกคนให้เต็มที่แล้วกันนะคะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดณดาจะรับผิดชอบเอง”

ต๋องไม่สบายใจมากที่ตนทำให้ณดาพลอยเดือดร้อนต้องมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลไปด้วย ณดา บอกว่าไม่เป็นไรเพราะเป็นเรื่องสุดวิสัย

ระหว่างนั้น กิมลั้งถือกาแฟร้อนเข้ามา 2 แก้ว เธอเอาให้ณดาแก้วหนึ่ง ณดาปฏิเสธด้วยท่าทีปกติและขอตัวกลับไปพักผ่อน

ต๋องคิดหนัก ปรารภกับกิมลั้งว่า “แทนที่งานนี้จะช่วยเรียกลูกค้า ฉันกลับทำให้ตลาดเสียชื่อหนักเข้าไปอีก ฉันมันสะเพร่าเอง ถ้าใส่ใจตรวจตราเรื่องอาหารอีกสักนิด เรื่องมันก็คงไม่เกิดขึ้น”

“เธอทำดีที่สุดแล้วต๋อง เลิกโทษตัวเองเสียที ไม่งั้นก็เหมือนเธอดูถูกความตั้งใจที่ดีของตัวเองนะ ถ้าคนนำยังท้อแท้แบบนี้ คนที่เป็นแนวร่วมกับเราเขาจะรู้สึกยังไง” กิมลั้งจับแขนต๋องอย่างให้กำลังใจ

“ขอบใจนะที่เตือนสติฉัน” ต๋องแตะมือกิมลั้งที่จับแขนตน

ทั้งสองไม่รู้ว่าณดายังแอบดูอยู่ เธอเสียใจมากเมื่อรู้ชัดว่ากิมลั้งคือผู้หญิงที่ต๋องรัก ขับรถออกไปอย่างทำใจไม่ได้

ศักดิ์ชายกำลังคุยโทรศัทพ์กับรัศมีที่โทร.มาถามถึงแผนการของเขา เขาบอกว่า ต่อจากนี้ตลาดร่วมใจเกื้อจะกลายเป็นป่าช้าไปพักใหญ่เลยทีเดียว พอเห็นณดาขับรถออกไป เขาหยุดคุยกับแม่รีบขับรถตามทันที

ooooooo

ต๋องไปส่งกิมลั้งที่หน้าบ้าน เขาจะบอกรักกิมลั้ง แต่กิมลั้งขอร้องไว้เพราะตนยังไม่พร้อมที่จะฟังแม้จะเป็นสิ่งที่ตนอยาก ได้ยินก็ตาม ต๋องกุมมือกิมลั้งสัญญาว่าจะรอจนถึงวันนั้น...วันที่เธอพร้อมจะฟัง

กิมฮวยอยู่ที่ระเบียงเห็นภาพนั้นเต็มตา ผลุบเข้าไปในบ้าน กิมลั้งเห็นพอดี เร่งต๋องให้รีบกลับไปเพราะถ้าเขาอยู่เรื่องจะยิ่งยุ่งยาก เพียงต๋องคล้อยหลังไปเท่านั้น กิมฮวยก็มาถึงพร้อมเคี้ยงและกิมแช ตรงเข้าถามว่าต๋องอยู่ไหน กิมลั้งบอกว่ากลับไปแล้ว อารมณ์ทั้งหมดของกิมฮวยก็มาลงที่กิมลั้งอย่างรุนแรง ไม่ว่ากิมลั้งจะชี้แจงอย่างไรก็ไม่ฟัง จนเคี้ยงกับกิมแชต้องคอยติง

กิมฮวยประกาศเฉียบขาดว่า “ฟังให้ดีนะ ถ้าลื้อคิดจะเอาไอ้ตัวซวยนี่มาทำผัว ก็เตรียมมีเรื่องกับอั๊วได้เลย”

เมื่อไปเจอกันในห้องนอน เคี้ยงพยายามเตือน สติกิมฮวยว่า กิมลั้งกับต๋องยังไม่ได้ทำอะไรเสียหายจะโมโหไปทำไม

“แค่มันคิดจะยุ่งกับลูกสาวเราก็บัดสีแล้ว อั๊วจะต้องหาทางทำให้ไอ้ต๋องออกไปจากชีวิตกิมลั้งก่อนที่อะไรจะสายไปกว่า นี้” พูดแล้วคว้าโทรศัพท์กดถึงเต็กไฮ้ทันที พอปลายสายรับ กิมฮวยพูดอย่างร้อนใจว่า “อั๊วมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยหน่อย”

ooooooo

ระหว่างนั้น ต๋องโทร.ถึงกิมลั้งถามด้วยความเป็นห่วงว่ากิมฮวยทำอะไรหรือเปล่า กิมลั้งบอกว่าก็แค่ดุด่าตามประสาแต่ตนจัดการได้ ไม่ต้องห่วงเพราะต๋องเองก็มีเรื่องปวดหัวเยอะแล้ว

“แม่เธอคงห้ามยุ่งกับฉันใช่ไหม” ต๋องถามอย่างกังวล กิมลั้งไม่ตอบ แต่บอกว่ารู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าแม่ไม่ชอบเขา ต๋องถามว่า “เธอว่าฉันจะเอาชนะความเกลียดของแม่เธอได้ไหม”

“มันก็เหมือนที่เธอพยายามจะเอาชนะคนในตลาดนั่นแหละ มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฉันเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว ความดีก็ต้องชนะทุกอย่าง”

ต๋องบอกว่าตนจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถ้ามีเธอเป็นกำลังใจ กิมลั้งบอกให้เขาพักผ่อนเสียเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พูดยังไม่ทันจบดีหน้าจอก็ดับไป กิมลั้งพยายามเปิดเครื่องอีกแต่ไม่ติด

กิมแชเดินเข้ามาพอดี บอกพี่สาวว่าเอาของตนไปใช้ก่อนก็ได้ พลางหยิบไอโฟนเครื่องที่ถ่ายวีดิโอได้ให้ บอกให้พี่สาวสบายใจว่าตนมีเครื่องสำรองใช้อยู่ แล้วเลียบเคียงถามว่า “ว่าแต่เจ้โอเคไหมเรื่องพี่ต๋องน่ะ”

“เฮ้อ...อั๊วก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป”

“เจ้คงไม่ยอมให้ม้าจับคลุมถุงชนกับพี่รงค์ใช่ไหม” กิมแชยุ กิมลั้งไม่ตอบแต่นั่งลงอย่างหนักใจ

ooooooo

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 3-4 วันที่ 1 ส.ค. 55

ละคร รักเกิดในตลาดสด บทประพันธ์โดย : นราวดี
ละคร รักเกิดในตลาดสด บทโทรทัศน์โดย : สนุกคิด-สนิทเขียน
ละคร รักเกิดในตลาดสด กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด แนวละคร : โรแมนติก คอมเมดี้ เบาสมองตลกสนุกสนาน
ละคร รักเกิดในตลาดสด ผลิต : บริษัท แอ็คอาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด โดยผู้จัด ธัญญา วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-เสาร์ และวันอาทิตย์
หลังข่าวภาคค่ำ 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศต่อจากละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง
ละคร รักเกิดในตลาดสด เริ่มออกอากาศ ตอนแรกวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2555
ที่มา ไทยรัฐ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความละครย่อTVตอนล่าสุด